ดูข่าวการต่อต้านรัฐประหารของประชาชนชาวพม่า ดูแล้วมีความแตกต่างจากบ้านเรา
ผู้ที่เริ่มบทบาทต่อต้านการรัฐประหารในพม่าถือได้ว่าเป็นชนชั้นนำ อย่างแพทย์ พยาบาล ครู รวมไปถึงดารา นักร้อง นายแบบของพม่าก็ออกมาแสดงความคิด ความเห็นและแสดงออกไปในทางเดียวกันว่าต่อต้านการรัฐประหาร
ต่างจากบ้านเรา ที่บุคคลในอาชีพเดียวกันอย่างแพทย์ พยาบาล จำนวนไม่น้อยที่สนับสนุนการรัฐประหาร มีจำนวนไม่น้อยที่ภูมิใจกับการมาเป่านกหวีด หนีคนไข้มาไล่รัฐบาลจากการเลือกตั้ง
ครูจำนวนไม่น้อยอีกเหมือนกันที่มาคุกคามลูกศิษย์ตัวเอง บางแห่งส่งรายชื่อให้ฝ่ายความมั่นคงมาติดตามคุกคามลูกศิษย์ตัวเองที่แสดงออกว่า ต้านรัฐบาลทหาร
บทเรียนของประชาชนชาวพม่าที่ถูกปกครองด้วยรัฐทหารมายาวนาน ได้หยุดความเจริญทั้งที่ประเทศอุดมไปด้วยทรัพยากร และ ประชาชนยากลำบาก อาจจะเป็นปัจจัยให้ประชาชนเขาลุกขึ้นสู้
ในขณะที่เผด็จการไทยเขากดขี่คนกลุ่มใหญ่แต่เลี้ยงอาชีพชั้นนำไว้เป็นพวก เอาพรรคราชการเป็นฐานค้ำอำนาจ แบ่งแยกประชาชนแล้วปกครอง
ประชาชนพม่าจึงอาจจะโชคดีกว่าคนไทย ที่ได้สู้กับศัตรูเพียงชั้นเดียวและเห็นชัดคือทหารและกองทัพที่ยึดครองอำนาจ
แต่คนไทยเราต้องสู้ทั้งทหาร ต้องสู้กับอำนาจซ้อนรัฐอย่างกองทัพ สู้กับเจ้าของทหาร แถมยังมีสลิ่มกองเชียร์อีก
ตอนนี้พม่ายังล้าหลังกว่าบ้านเราในความเจริญด้านต่างๆ แต่ถ้าประชาชนเขาเรียกร้องอำนาจคืนเป็นของประชาชนได้ และกำจัดอำนาจของกองทัพที่ครอบประเทศให้อยู่ในที่ในทางได้ก่อนบ้านเรา
โอกาสที่เราจะตามหลังพม่าในอนาคตไม่ใช่ไม่มี ถ้าสภาพของบ้านเรา ผู้คนเรายังเป็นอยู่แบบทุกวันนี้
นอกจากแพทย์ในพม่าจะลุกมาติดริบบิ้นแดง ชูสามนิ้วแล้ว วิศวกรชาวพม่า 71 คนได้ลาออกจากรัฐวิสาหกิจทางด้านโทรคมนาคมของทหารที่ชื่อ Mytel
ดูพม่าแล้วย้อนดูตัวเอง เจ็บใจไอ้พวกนี้จริงๆครับ
ดูการแสดงออกต่อต้านรัฐประหารของอาชีพชั้นนำอย่างแพทย์ ครู วิศวกรของพม่า แล้วเอามาเปรียบเทียบกับอาชีพชั้นนำเดียวกันของไทย สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ อนาคตลูกหลานพวกเรา เมื่อดูทิศทางของโลกกับทิศทางของผู้คุมอำนาจไทย
มีเพียงชนชั้นอาชีพที่เรียกตัวเองว่า ปัญญาชนของไทยเท่านั้นที่สนับสนุนให้ทหารมายึดอำนาจและจำกัดเสรีภาพของตัวเอง เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสังคมอารยะอื่นเขา
และมีแต่สังคมแบบนี้เท่านั้นที่จะทำลายศักยภาพและลดทอนความสามารถของประเทศให้ลดลงไปเรื่อยๆ
เมื่อศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลง ความเป็นอยู่ในรุ่นลูกหลานของชาวบ้านเราก็จะยากลำบากยิ่งขึ้น ความเหลื่อมล้ำจะยิ่งสูงขึ้น
ในขณะที่อาชีพชั้นนำที่ได้ประโยชน์และแอบอิงกับอำนาจก็จะเกาะเกี่ยวกันด้วยระบบอุปถัมภ์ หาประโยชน์จากอภิสิทธิ์ในระบบและได้ประโยชน์จากความเหลื่อมล้ำมากขึ้น
แต่โดยธรรมชาติไม่มีสังคมใดที่จะยืนอยู่ได้อย่างยาวนาน บนฐานรากทีผุกร่อนไม่แข็งแรง
จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมอนาคตรุ่นลูกหลานถึงน่าเป็นห่วงหากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
บทเรียนการต่อสู้ของชาวพม่า ไม่รู้ว่าจะพอทำให้ฉุกคิดกันบ้างไหมว่า ทำไมปัญญาชนบ้านเขาถึงกล้าหาญต่อสู้กับอำนาจที่มิชอบ
อายเขาบ้างไหมที่ปริญญาชนบ้านเรากลับทำในทิศทางตรงกันข้าม
สื่อไทยตามข่าวรัฐประหารในพม่า ไปหาข้อมูลรายละเอียดว่าทำไมรัฐประหาร ไปสัมภาษณ์แรงงานพม่าในไทยว่ารู้สึกอย่างไรที่มีการรัฐประหารในพม่า วิเคราะห์กันใหญ่ว่า อนาคตพม่าจะเป็นยังไง
แต่กับประเทศตัวเองถูกรัฐประหารและอยู่ใต้อำนาจรัฐบาลทหารมา 7ปีแล้ว ทั้งบริหารห่วย เศรษฐกิจแย่ ทุจริตเต็มไปหมด การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมก็แย่ แต่สื่อไทยกลับเงียบเหมือนถูกเหยียบปากไว้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น