พวกที่แสดงอาการ 'รังเกียจโกง' มักจะชอบถามผู้ลี้ภัยทางการเมืองว่า 'ไม่ผิดหนีทำไม' แต่เวลาพวกตัวเองหนี กลับไม่มีใครถามว่าหนีทำไม และ ไม่มีใครคิดจะหาคำตอบด้วย.
เช่น น้องชายของชวน หลีกภัย (ประธานสภา) และ แม่ของศิริโชค โสภา กับ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต สส ประชาธิปัตย์ (ปัจจุบันอรรถวิชช์ไปตั้งพรรคกับกรณ์ ชื่อ พรรคกล้า) มีข่าวโด่งดังหลายปีต่อเนื่อง เรื่อง หนี คดี “โกง” เหมือนกันทั้ง 3 คน แต่ก็ชอบจริงๆ ชอบพูดเรื่อง “รังเกียจโกง” เหมือนกันทั้งพรรค.
ว่าตามข่าวนะคะ.
1) คุณระลึก หลีกภัย น้องชายของคุณ "ชวน หลีกภัย" เคยต้องคดีฉ้อโกงทรัพย์ของธนาคารกสิกรไทย จำนวน 200 ล้านบาท และได้หลบหนีไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไต้หวันจนหมดอายุความ ก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านพักใน จ.ตรัง ในปี 2547
นายกสมัคร สุนทรเวช พูดในรายการ“สนทนาประสาสมัคร” ที่ระบุถึงน้องชายอดีตผู้นำพรรคการเมืองบางพรรคฉ้อราษฎร์บังหลวง และหนีคดีความไปถึง 20 ปี แต่กลับไม่ถูกสื่อขุดคุ้ย
https://bit.ly/2zGo2Jz https://bit.ly/2NcaSrh
https://bit.ly/2OX1ucz!
.
2) "เสาวรส โสภา" แม่ของศิริโชค โสภา โดนคดีโกงเพื่อนบ้านที่เป็นเจ้าของโรงแรมแลนด์มาร์ค เรื่องของเรื่อง คือ นางยืมเงิน 15 ล้านบาท แล้วจ่ายคืนเป็นเช็คทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นบุคคลล้มละลาย ไม่มีสิทธิทำธุรกรรม แม้แต่เซ็นเช็ค แต่นางก็เซ็นจนเช็คเด้ง เป็นคดีอาญา
.
จนมาถึงชั้นอุทธรณ์ เพื่อนเกิดใจอ่อนยกฟ้องให้ แต่เผอิญหลังยกฟ้องดันถูกยิงตาย (ทำไมถึงถูกยิงก็ยังสงสัย) "ศิริโชค" ในฐานะลูกชายแม่ แทนที่จะขอบคุณที่เขาถอนฟ้องให้ แล้วจบๆ กันไป ดันเอาคนตายมาโพสต์วิจารณ์ว่าเขากับลูกๆ ปล่อยกู้นอกระบบแบบเอารัดเอาเปรียบ (ตามที่คนร้ายให้การ)
.
สุดท้ายลูกชายของคนตายจึงต้องฟ้องศิริโชค “หมิ่นประมาท” อีกรอบ และก็ด้วยดคีนี้ยังคาศาลนี่แหละ ศิริโชค กับ ชวนนท์ และ เทพไท ซึ่งจัดรายการ Blue Sky ด้วยกัน เอาเรื่อง ว5 โฟว์ซีซั่น ไปล้อเลียนนายกปูในรายการ ทำนองชู้สาวกับนักธุรกิจหนุ่ม จนเกิดเรื่องราวนายกปูฟ้องหมิ่น 3 คนนี้จึงต้องขอขมานายกยิ่งลักษณ์ให้ถอนฎีกาให้ก่อนเลือกตั้งปี 2562 เพราะถ้าเผอิญศาลฏีกาตัดสินว่าผิดจริง จะไม่โดนแค่รออาญา เพราะทำความผิดหมิ่นประมาทเหมือนกันสองคดีซ้อน จะหมดอนาคต ต้องโดนเว้นวรรคการเมืองไป 10 ปี https://bit.ly/2YcSWEg
.
3) ส่วนแม่ของอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี มีชื่อว่า "ภคินี สุวรรณภักดี” สมัยฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 นางภคินี เป็นรองกรรมการผู้จัดการธนาคารมหานคร ร่วมมือกับผู้บริหารธนาคารรวม 4 ราย ได้ปล่อยกู้ให้โรงงานโป๊วสีรถยนต์เป็นเงิน 4.1 พันล้านบาท โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สุดท้ายก็เบี้ยวหนี้ 4 ผู้บริหารโดนข้อหา “ฉ้อโกง” ธนาคารมหานคร จนสุดท้ายธนาคารต้องไปควบรวมกับธนาคารกรุงไทย ปิดฉากกลายเป็นอดีตไป
.
ผู้ต้องหา 3 คนมอบตัว แต่ภคินี แม่อรรถวิชช์ “หนี” จนหมดอายุความ (15 ปี) เมื่อ 30 ตุลาคม 2555 คดีอาญาก็เป็นอันจบไป แต่คดีแพ่งยังคงดำรงอยู่ ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นให้ “ยึดทรัพย์” จำนวน 22 รายการ จำนวน 300 ล้านบาท และยังตามด้วยคดี “ฟอกเงิน” https://bit.ly/2XDc0fS
.
21 กุมภาพันธ์ 2561 ปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2546 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนับ 100 แปลงให้กับนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี บุตรชายและเครือญาติ ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้มีการบังคับใช้กฎหมายฟอกเงินในทางแพ่ง รวมถึง นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้เข้าร้องทุกข์กับ ปปง.ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินกับผู้เกี่ยวข้องด้วย (วัชระก็พรรคเดียวกัน ทำไมมาเล่นอรรภวิชช์ด้วย ยังสงสัย)
.
ปปง.จึงมาหารือกับดีเอสไอว่าจะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในส่วนของความผิดทางอาญาฐานฟอกเงิน แต่มีข้อขัดข้องเป็นอุปสรรคว่าคดีดังกล่าวจะครบอายุความ 15 ปี ลงในวันที่ 14 พ.ย.61 และคดีดังกล่าวดีเอสไอยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งการรับเป็นคดีพิเศษต้องขอมติจากคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ซึ่งมีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน http://www.komchadluek.net/news/regional/314133
.
คดีฟอกเงินก็หมดอายุความลงเช่นกัน ไม่รู้ว่า ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ หาข่าวไม่เจอ
.
พี่ชาย และ ลูกชายของทั้ง 3 คนปฏิเสธเสียงแข็ง น้อง และ แม่ของพวกเขาไม่ได้โกง "ไม่ผิด" สังคมก็สงสัย ไม่ผิดหนีทำไม? ช่วยถาม "คุณแม่" ให้ทีสิคะ!
cr:โดย ปีใหม่ ปีใหม่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น