มีข้อมูลที่ “นกหวีด” เขียนบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี "ทักษิณ ชินวัตร" ซึ่งปีใหม่ขอให้ข้อมูลพร้อมหลักฐานอ้างอิง เพื่อการพิจารณาของประชาชน ดังนี้
.1. ทักษิณรวยเพราะโกงหลังเข้ามาเล่นการเมือง ข้อเท็จจริงคือ ทักษิณรวยก่อนเล่นการเมือง ปี 2537 วันเข้ารับตำแหน่ง รมต ต่างประเทศในโควต้าของพรรคพลังธรรม (แทน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ) ได้แจงบัญชีทรัพย์สินไว้ 60,000 ล้าน แม้ว่ายังไม่มีระบุในรัฐธรรมนูญบังคับให้ต้องแจงทรัพย์สิน ณ ขณะนั้น (รัฐธรรมนูญปี 2540 จึงให้ รมต ต้องแจงบัญชีทรัพย์สิน)
* หลักฐานชิ้นที่ 1 : ข่าวไทยรัฐพาดหัวหน้าหนึ่งตามลิงค์นี้ https://hilight.kapook.com/view/72537
* หลักฐานชิ้นที่ 2 : ทนายหอบหลักฐานการถือครองหุ้นก่อนเล่นการเมือง https://www.thairath.co.th/content/269494
* หลักฐานชิ้นที่ 3 : หนังสือชื่อ Thaksin, The business of politics in Thailand ซึ่งร่วมกันเขียนโดยสองสามี-ภรรยา (อังกฤษ-ไทย) ศาสตราจารย์ ผาสุก พงษ์ไพจิตร, นักเศรษฐศาสตร์ชาวไทย เป็นอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 จนถึงปัจจุบัน (วิกิพีเดีย) และ Chris Baker ผู้สามี
(อ้างอิง https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2167581960221551&id=100009093048764)
.
2. ทักษิณไม่ได้รวยจากการปล่อยลอยตัวค่าเงินบาทในยุคบิ๊กจิ๋ว ตามที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ตั้งข้อสังเกตว่าบริษัททักษิณไม่เสียหายมาก เหตุเพราะทักษิณซื้อ Forward Rate (อัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า เป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้สำหรับการซื้อขาย ที่มีการส่งมอบสินค้าหรือโอนเงินในอนาคต) ทำให้แม้ค่าเงินบาทจะเปลี่ยนจาก 25 บาท/ดอลลาร์ เป็น 56 บาท/ดอลลาร์เพียงชั่วข้ามคืน บริษัทของทักษิณก็ไม่เสียหายเพราะได้ซื้ออัตราแลกเปลี่ยนคงที่ไว้แล้วที่ 25 บาท/ดอล
.
3. ทักษิณชนะประมูลสัมปทานมือถือตั้งแต่ปี 2533 ในยุคน้าชาติ ไม่ใช่ได้มาเพราะยัดเงิน “พลเอก สุนทร คงสมพงษ์” บิดาของ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (หลัง รสช ทำรัฐประหารน้าชาติ) แต่อย่างใด (อ้างอิง https://www.posttoday.com/politic/report/34192)
.
4. ทักษิณแก้กฎหมายแปลงสัมปทานมือถือเป็นภาษีสรรพสามิตเพื่อให้รัฐมีรายได้มากขึ้น โดย AIS ยังคงจ่ายเท่าเดิม จากเดิมระบบสัมปทานนั้นค่ายมือถือทุกค่ายต้องจ่ายให้ 2 องค์กร โดย AIS จ่ายให้องค์การโทรศัพท์ ส่วน Dtac และ True Move จ่ายให้การสื่อสารแห่งประเทศไทย ในอัตรา 25%
ต่อมามีการแปรรูปองค์การโทรศัพท์เป็นบริษัท ทีโอที แปรรูปการสื่อสารเป็นบริษัท กสท. โทรคมนาคม ซึ่งมีการเปลี่ยนทุนเป็นหุ้น และกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% (กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานของรัฐบาล) รัฐบาลทักษิณเห็นว่าทั้งบริษัทีโอที และ กสท เป็นเสือนอนกิน จึงได้แก้ปัญหาโดยออกพระราชกำหนดภาษีสรรพสามิต โดยให้บริษัทเอกชนคู่สัญญา คือ เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ ต้องส่งมอบส่วนแบ่งรายได้ 10% เข้ากระทรวงการคลังโดยตรง คงเหลือ 15% จ่ายให้คู่สัญญาสัมปทานเดิมของตน
เท่ากับ AIS ก็ยังต้องจ่าย 25% เหมือนเดิม ท้กษิณไม่ได้เอื้อให้จ่ายถูกลงแต่อย่างใด แต่เอื้อให้รัฐมีรายได้มากขึ้น แทนที่จะอุ้มเสือนอนกินสององค์กรที่ถูกแปรรูปไปเป็นของรัฐแล้วนั้น (อ้างอิง https://bit.ly/2CMJwGI )
.
5. ทักษิณไม่ได้เป็นคนต้นคิด “แปรรูปรัฐวิสาหกิจ” หากแต่ทักษิณจำเป็นต้องสานต่อกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับที่ทำในปี 2542 สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย2 ตามข้อบังคับของ IMF (Letter of Intent) การแปรรูป ปตท ก็เช่นกัน (อ้างอิง https://thaipublica.org/…/finiancial-crisis-2540-banyong-p…/)
.
6. ทักษิณและญาติพี่น้องไม่ได้ถือหุ้น ปตท. ข้อครหาที่ว่าทักษิณขายหุ้น ปตท ให้ญาติพี่น้องและตนเองหมดภายในเวลา 1 นาที 17 วินาที ไม่เป็นความจริง แต่บุคคลที่ได้หุ้น ปตท ไปมากที่สุดในวันที่เปิดขายวันแรก คือ
อันดับ 1 นายทวีฉัตร จุฬางกูร หลานชายแท้ ๆ ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจได้รับการจัดสรรหุ้นมากถึง 2.2 ล้านหุ้น
อันดับ 2 นายประยุทธ มหากิจศิริ ได้รับการจัดสรรหุ้นจำนวน 2.06 ล้านหุ้น นอกจากนี้ภรรยาและบุตรของนายประยุทธคือนางสุวิมล และนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ยังได้รับการกระจายหุ้นอีก 1.546 ล้านหุ้น และ 1.5 ล้านหุ้น ตามลำดับ (รวมหุ้นที่ตระกูลมหากิจศิริได้รับคือ 5.106 ล้านหุ้น) (อ้างอิง https://www.gotoknow.org/posts/186423 )
เมื่อทักษิณไม่ได้เป็นคนต้นคิดแปรรูป ปตท และไม่มีหุ้น ปตท แม้แต่หุ้นเดียว ทักษิณจะร่ำรวยจากการโกง ปตท ได้อย่างไร ?
.
7.ทักษิณใช้หนี้ IMF ทั้งหมด 500,000 ล้านบาท (98%) และตัดสินใจใช้หมดก่อนครบกำหนด 2 ปี #เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศจัดเก็บภาษีได้เต็มเม็ด จนสามารถจัดทำงบประมาณสมดุลได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในปี 2548-2549 (แทนที่จะทยอยจ่ายไปตามกำหนดซึ่งเป็นวิธีที่คนไม่ฉลาดเลือกใช้) โดยนายกทักษิณใช้ #ทุนสำรองระหว่างประประเทศ ซึ่งในขณะนั้นมีอยู่ 38,600 ล้านเหรียญ ซึ่งหลังจากใช้หนี้งวดสุดท้ายนี้ไป จะเหลือทุนสำรอง 34,400 ล้านเหรียญ สาเหตุที่นายกทักษิณมั่นใจพอที่จะใช้หนี้หมดก่อนกำหนดเพราะประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดังที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า “สำหรับความสำเร็จของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้ อยู่ที่การปรับนโยบายเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นนโยบายที่เรียกว่า Dual Track Policy” (อ้างอิง https://www.khaosod.co.th/politics/news_2312138)
.
8.ทักษิณเปลี่ยนประเทศจากผู้กู้ IMF เป็นประเทศผู้ให้พม่ากู้ 4000 ล้านบาท ผ่านทาง Exim Bank ภายหลังจากตัดหนี้ IMF จบแล้ว โดยเจตนาช่วยพม่าให้นำเงินไปสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ด้วยดอกเบี้ย 3% (ไม่ได้ให้กู้ไร้ดอกเบี้ยเหมือนรัฐบาลประยุทธ์) โดยไม่มีคำไหนที่ระบุในสัญญาว่าให้พม่านำเงินกู้กลับมาซื้อสินค้าของบริษัทชินคอร์ป การตัดสินใจเลือกร้านค้าซื้อของ เป็นเรื่องของพม่าเองซึ่งเป็นสิทธิอันพึงกระทำได้ แต่การให้พม่ากู้นั้นได้มาซึ่งผลประโยชน์ต่อประเทศชาติมหาศาล อาทิ แหล่งก๊าซ และ ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ
รวมทั้งสัญญาที่ไทยขอต่อพม่า
1) ขออย่ารบตามแนวชายแดนไทย
2) ขออย่าส่งเสริมยาเสพติด
3) ขอให้ทำ road map to democracy
และ ไทยไม่ได้เสียหายอะไรเลยเนื่องจากพม่าได้ชำระทั้งเงินต้น และ ดอกเบี้ยครบแล้ว
(อ้างอิง https://www.thaipost.net/main/detail/10374 )
.
9. ดาวเทียมยุคทักษิณสุดท้ายก็สมบัติชาติ
สัญญาสัมปทานไทยคม ซึ่งเป็นสัญญาสัมปทานประเภท สร้าง-โอน-บริหาร หรือ Build Transfer Operation-BTO ที่เมื่อผู้รับสัมปทานได้ดำเนินการจัดสร้างดาวเทียม และยิงขึ้นสู่วงโคจรแล้วเสร็จ จะต้องยกให้เป็นทรัพย์สินของรัฐในทันที พร้อมทั้งสถานีควบคุมดาวเทียม และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่บริษัทเอกชนจะได้รับก็มีเพียงสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์จากการนำช่องสัญญาณ (Transponder) ออกไปให้เช่า และเรียกเก็บค่าบริการจากผู้เช่าใช้ แต่จะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ที่เกิดขึ้นเหล่านี้กลับมาให้รัฐด้วยตามสัญญา
ล่าสุด ชินแซทมีลูกค้าที่เข้ามาขอเช่าใช้ช่องสัญญาณแล้วกว่า 40 ประเทศ โดยลูกค้ากว่าร้อยละ 77 เป็นลูกค้าต่างประเทศ และบริษัทได้จ่ายค่าสัมปทานให้แก่รัฐแล้วเป็นจำนวน 3,698.9 ล้านบาท มากกว่าจำนวนขั้นต่ำที่กำหนดไว้ที่ 3,317.9 ล้านบาท
เมื่อสัญญาสัมปทาน BTO กำหนดชัดเจนอยู่แล้ว ทรัพย์สินทุกอย่างสร้างขึ้นต้องยกให้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ดาวเทียมไทยคมก็ต้องถือเป็นสมบัติของชาติในทันที (อ้างอิง http://bit.ly/2yur5U7)
.
10. ทักษิณทำ FTA ไทย-จีน ไม่มีเอื้อสินค้าชินคอร์ป แต่เป็นสินค้าเกษตรล้วนๆ ไทยกับจีนได้ลงนามกรอบความตกลง FTA แล้ว ภายใต้ในกรอบความตกลง ASEAN -จีน โดยดำเนินการร่วมกับจีนยกเลิกภาษีระหว่างกันก่อน (Early Harvest) ในสินค้าในพิกัด 07-08 (ผักและผลไม้) ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546 และร่วมกับประเทศ ASEANและจีนที่จะลดภาษีสินค้าในพิกัด 01-08 (ได้แก่ สัตว์มีชีวิต ประมง ธัญพืช ผักและผลไม้) ให้เหลือ 0% ในปี 2547-2549 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2547 ส่วนสินค้าที่เหลือ รวมทั้งการค้าบริการ การลงทุน และกฎระเบียบต่างๆ จะเจรจาให้เสร็จภายในสิ้นปี 2547 เพื่อที่จะเป็น FTA โดยสมบูรณ์ภายในปี 2553 (อ้างอิง http://www.thaifta.com/…/Det…/mid/433/ItemID/64/Default.aspx)
.
11. ทักษิณไม่ได้เอื้อสายการบิน Air Asia เรื่องสายการบิน Low Cost มันเป็นกระแส และ เทรนด์ของโลก ประเทศไหนๆ ก็ทำกัน นายกทักษิณแค่มีวิสัยทัศน์จึงคิดว่าประเทศไทยก็ควรจะเปิดเสรีการบินด้วย โดยการบินไทยเองก็มี บริษัทลูก Low Cost Airlines อย่างไทยสไมล์ นกแอร์ ที่เป็นคู่แข่งกับ Air Asia แต่ต้องถามการบินไทย “ทำยังไงถึงได้ขาดทุนทุกสายการบิน” ? (อ้างอิง https://www.matichon.co.th/politics/news_1387257 )
.
12.ทักษิณเร่งแก้กฎหมายสัดส่วนผู้ถือหุ้นไทยต่อต่างชาติ เป็น 51 : 49 ให้เสร็จก่อน 2 วันเพื่อจะได้ขายหุ้นโทรคมนาคมให้เทมาเสก ข้อเท็จจริงคือ นายกทักษิณไม่ได้เร่งแก้ พรบ ให้เสร็จทันขายหุ้นภายใน 2 วัน หรือ มิได้เลื่อนการขายหุ้นให้อยู่หลังวันแก้ไข พรบ
แต่การแก้ไข พรบ เป็นเรื่องที่ดำเนินการมานานแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องทำ “ตามพันธะสัญญาที่มีต่อ WTO” ตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งต้องแก้ไข พรบ โทรคมนาคม ในปี 2549 ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้แถลงไว้เมื่อปี 2543 ดังนี้ ...
ประเทศไทยเตรียมพร้อมสู่การเปิดเสรีโทรคมนาคมปี 2549 ภายใต้ฐานะสมาชิกขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ประเทศไทยมีพันธะ “ต้องเปิดเสรีโทรคมนาคมภายในประเทศ” ในเดือนตุลาคม 2542 (เลื่อนเป็นตุลาคม 2543) และ “เปิดเสรี โทรคมนาคมกับต่างประเทศในปี 2549” โดยกระทรวงคมนาคมได้จัดทำ แผนแม่บทการพัฒนากิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2540 เพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานในการเตรียมความพร้อมสู่การเปิดเสรีโทรคมนาคม โดยการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) การแปรสภาพ ทศท. และ กสท. การดำเนินการแปรสัญญาร่วมการงาน (ข่าวเศรษฐกิจ -- พฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2543/ --ธนาคารแห่งประเทศไทย-สส-) อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/ryt9/242617
.
13.ข้อเท็จจริงเรื่องที่ดินรัชดา ศาลไม่ได้ตัดสินว่าคุณหญิงอ้อผิดเรื่องประมูลซื้อที่ โดยแต่แรก ที่ดินรัชดา (ซึ่งเป็นหนี้เน่าของ ปรส) ก็แทบไม่มีใครสนใจ เปิดประมูลครั้งแรกไม่มีใครมา ประมูลครั้งสองจึงมีคนมาแข่งกับคุณหญิงพจมาน การประมูลก็ดำเนินไปตามครรลอง คุณหญิงชนะประมูลไปในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด และสูงกว่าคู่แข่ง คุณหญิงจ่ายครบจบกระบวน ไม่มีอะไรผิดกติกา แต่ศาลตัดสินว่าทักษิณเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีสิทธิเซ็นอนุมัติให้ภรรยาประมูลซื้อที่ดินแข่งกับใคร ทั้งที่ก่อนจะเซ็นได้ถามกฤษฎีกาว่า “เป็นนายก” สามารถทำได้หรือไม่ เมื่อได้รับการยืนยันจึงเซ็นให้ (เหมือนที่ภรรยาคุณเนวิน ในฐานะนายก อบจ ถามกระทรวงมหาดไทยว่า ใช้งบ อบจ ขนคนไปดูฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ของคุณเนวินสามีได้หรือไม่ มหาดไทย (ซึ่งตามศักดิ์แล้วต่ำกว่ากฤษฎีกา) บอกทำได้ ปปช.ตีตกไปไม่ถึงศาล ภรรยาคุณเนวินรอดคดี แต่กรณีของนายกทักษิณกลับผิดม.157
.
14.ทักษิณไม่ได้ประกาศแก้ไขวันหยุดสิ้นปีให้เป็นวันทำการ เพื่อให้สามารถโอนที่ดินรัชดาได้ทันก่อนสิ้นปี ที่จะมีการบังคับใช้อัตราค่าโอนที่ดินใหม่ในปีถัดไป แต่วัตถุประสงค์คือเพื่อให้ข้าราชการมีวันหยุดต่อเนื่องเพราะวันที่ ๓๑ธค เป็นวันพุธ วันที่ ๒ มค เป็นวันศุกร์ จึงให้วันพุธที่ ๓๑ ธค. เป็นวันทำงานเสีย แล้วประกาศให้วันที่ ๒มค เป็นวันหยุดแทน (สลับกัน) ข้าราชการก็จะได้วันหยุดต่อเนื่องพฤหัส ๑ธค ถึง อาทิตย์ที่ ๔มค. รวม ๔วัน แทนที่จะหยุดแค่ พุธ ๓๑ธค - พฤ ๑มค. ได้แค่สองวัน พอเจอศุกร์ ๒ มค ก็ลางานต่อ เพราะจะได้ต่อเนื่องเสาร์ อาทิตย์
ทั้งนี้มีมติ ครม ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ให้สลับวันพุธที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ เป็นวันทำงาน และให้วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๔๗ เป็นวันหยุด ซึ่งดำเนินการก่อนการประมูลรอบใหม่ในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๖
อีกทั้งกฎหมายก็บังคับให้การโอนที่ดินต้องกระทำให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียว จึงไม่มีเหตุผลใดที่นายกทักษิณจะต้องแก้ไขประกาศวันหยุดใหม่ เพื่อให้กรมที่ดินโอนที่รัชดาให้เสร็จก่อนสิ้นปี (อ้างอิง https://bit.ly/31Bknb2)
.
15.การป้ายสีว่าทักษิณทุจริต/โกงทางนโยบายนั้น เกิดจากการเบี่ยงเบน และ เกมการเมืองที่ฝ่ายตรงข้ามนำมาปั่นหัวประชาชนที่ไม่ได้ค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเองจากหลากหลายแหล่งให้หลงเชื่อ แท้จริงแล้วนโยบายของทักษิณเป็นแบบ win-win situation หมายความว่า ทุกชีวิตที่อยู่ในประเทศไทย ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ประชาชนทุกอาชีพ, เจ้าของธุรกิจ, ข้าราชการ, ทหาร ตลอดจนทุกสถาบัน แต่มีกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ เช่น พ่อค้ายาเสพติด มาเฟียหวยใต้ดิน ธุริกิจมืด กลุ่มนายทุนบางกลุ่ม นักการเมืองคู่แข่ง นายพลฯ จึงร่วมมือกันกำจัดทักษิณให้พ้นหนทาง
.
เปรียบเทียบง่ายๆ รัฐบาลทักษิณมีฝ่ายค้าน ที่สามารถคานอำนาจในสภาได้ นอกสภา สื่อมวลชน และ ประชาชนสามารถจะตรวจสอบ วิจารณ์ ด่าทอ หรือ ขับไล่ ทักษิณได้ ในขณะที่รัฐบาลทหารที่มาจากการยึดอำนาจ ประชาชนไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าพวกเขาทำอะไร ไม่มีฝ่ายค้าน มีแต่พวกเขาทั้งหมด และไม่สามารถขับไล่พวกเขาไปไหนได้ เพราะมีกองทัพคอยหนุนหลัง
.
สิ่งที่กล่าวหาทักษิณ “สภาผัวเมีย” เราก็ได้เห็นแล้วว่ารัฐบาล คสช ที่ผ่านมาทำยิ่งกว่าด้วยซ้ำ คือ มีสภาเครือญาติ สังเกตจากนามสกุลที่ซ้ำๆ กันเข้าไปอยู่ในแม่น้ำ 5 สาย อาทิ วงษ์สุวรรณ, จันทร์โอชา, จาตุศรีพิทักษ์ ทนายวันชัย และ นายมีชัย ฤชุพันธ์คนร่างรัฐธรรมนูญ และ พวกที่ชี้นิ้วด่าว่าทักษิณสภาผัวเมีย ก็แต่งตั้งลูกเป็นผู้ช่วยทั้งคู่
.
แล้วใครจะขวางคณะรัฐประหารได้ ขณะนี้ก็สืบทอดอำนาจต่อเนื่องมาสู่ยุคที่สอง โดยการฉีกรัฐธรรมนูญแล้วร่างฉบับใหม่ เขียนนิรโทษกรรมให้พวกตนเอง (ทั้งๆ ที่กรีดร้องรับไม่ได้นิรโทษกรรมให้ทุกฝ่ายเหมาเข่ง) รัฐธรรมนูญที่เอื้อฝ่ายตนเองตั้งแต่สูตรพิสดาร สส, ที่มาของ สว ผลัดกันจิ้มจากแม่น้ำ 5 สาย แต่ใช้งบประมาณถึง 1300 ล้านบาท (แม้ตอนหลังจะออกมาแก้ว่าใช้ไม่ถึงก็ตาม) และ อำนาจ สว ที่โหวตพวกตนเองได้
.
องค์กรอิสระที่มีแต่พวกตัวแต่งตั้งเข้ามาเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ปปช สตง ที่ว่าเป็นคนดี ที่คอยหาข้อหาให้คนอื่น แต่ตัวเองก็ทำเรื่องฉาวโฉ่ไว้ อาทิ หญิงเป็ด สตง ที่โกงกระทั่งกฐิน - เบิกดะค่าใช้จ่ายที่ไปทอดกฐินสะสมบุญกุศลไว้ชาติหน้าของตนแท้ๆ
.
แม้แต้ "สุภา ปิยะจิตติ" คนที่คิดบัญชีกำไรขาดทุนโครงการจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ (ทั้งๆ ที่นโยบายสาธารณะจะคิดกำไรขาดทุนไม่ได้ ต้องใช้ผลสำเร็จทั้งภาพรวมโดยดูบัญชีประเทศทั้ง 8 ตัว) แต่สุภาคนนี้ก็มีรอยด่าง ตั้งแต่โดนร้องคดีทุจริตให้เช่าพื้นที่ข้างรถเมล์โฆษณา เปลี่ยนแปลงสัญญาฮั้วประมูลเอื้อเอกชน และ คดีสร้างหลักฐานพยานเท็จพร้อมติดสินบนพยาน “ปาล์มอินโด” ที่กำลังโด่งดังอยู ณ ตอนนี้ เป็นพยานหลักฐานชั้นดีที่รอการพิสูจน์ และ ชี้ขาดโดยศาลว่า (น่าจะ) “เลวร้ายกว่า” ทักษิณ และ รัฐบาลที่มาจากการเลือกของประชาชน (อ้างอิง https://bit.ly/2Mhaqfk)
.
ถ้ายังคิดไม่ออก เอาง่ายๆ ถ้าทักษิณโกงนโยบายจริง ทำไมจึงสามารถใช้หนี้ IMF ได้ก่อนกำหนด ทำไมตั้งงบประมาณสมดุลได้ 2 ปีซ้อน ทำไมมีเงินให้พม่ากู้ ทำไมเศรษฐกิจยุคทักษิณจึงเฟื่องฟู ประชาชนกินดี อยู่ดี ไม่มียาบ้า-ยาเสพติด ลูกหลานชาวบ้านได้เรียนต่างประเทศด้วยเงินหวยบนดิน รากหญ้าหาเช้ากินค่ำได้มีกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย 'บ้านเอื้ออาทร' ในราคาผ่อนเท่าค่าเช่า จึงไม่ต้องเช่าเขาอยู่ทิ้งเงินเปล่าทุกเดือนไป แถมค่ารักษาพยาบาลที่เคยแพงมหาศาล ก็จ่ายทุกโรคเท่ากันในราคา 30บาท
ถ้าไม่ดี ไม่ทำให้สุขสบาย ทำไมชาวบ้านร้านช่องรักทักษิณ ชินวัตรไม่อาจลืมได้จนบัดนี้ ถามตัวเองก็ได้เสียอะไรไป เดือดร้อนอะไรในยุคทักษิณ?
(อ้างอิง https://bit.ly/2MVuUK6)
.
ในขณะที่ถ้ารัฐบาลที่มาจากรัฐประหารดีจริง เก่งจริง ทำไมเศรษฐกิจตกต่ำมาก ข้าวยากหมากแพง การโกงที่ว่าจะมาปราบก็กลับพุ่งขึ้นมาติดอันดับต้นๆ การปฎิรูปการเมืองคืออะไรที่ว่าจะมาทำ สิ่งที่ได้คือดูดนักการเมืองเดิมๆ คนเก่าเข้าไป (เปรียบเทียบผลงาน 2 รัฐบาล https://bit.ly/2OSCQ1e)
(อ้างอิงคอรัปชั่นพุ่งสูงสุดยุค คสช https://bit.ly/2Mhi0qj)
(อ้างอิงสารพัดข้าราชการโกง https://bit.ly/2yW297Z)
(อ้างอิงไทยเหลื่อมล้ำทางฐานะ คยรวย1%ครองทรัพยากร https://bit.ly/2N3FdMa)
.
แล้วใครจะคอยขวางเผด็จการ ?
.
เห็นด้วยกับประโยคนี้ของนกหวีด “ระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี แต่ประชาชน ต้องมีความรู้ แล้วการจะมีความรู้ได้ ต้องได้รับข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอในการประกอบการตัดสินใจเชื่อ" อย่างน้อยๆ ไม่ใช่การเขียนเลื่อนลอยมโนไปแบบในบทความที่นกหวีดพากันแชร์ต่อๆ กันไป (ตามลิงค์ด้านล่างนี้) บทความที่น่าเชื่อถือควรต้องมีแหล่งอ้างอิงข้อมูลให้ตรวจสอบค้นหาต่อได้
.
และเห็นด้วยกับประโยคที่ว่า “การเลือก สส. ตัวแทนประชาชน มารักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของพวกเรา” ซึ่งก็หาดูได้ในยุคนี้ ขณะที่พรรคเพื่อไทย ที่ทักษิณสร้างมากับมือ สมาชิกพรรค และ คีย์แมนประกาศสละทุกตำแหน่ง เพื่อให้ทุกพรรคมาร่วมด้วยช่วยกัน “สกัดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ” แต่มี สส พรรคใดบ้างที่แย่งชามข้าวกันไม่จบสิ้นเกือบ 4 เดือน
.
แบบนั้นหรือที่ท่านเชื่อใจเขา ท่านเรียกพวกเขาว่าคนดี ท่านไว้ใจให้อำนาจของท่านตกไปอยู่ในมือเขา ???
cr: ปีใหม่ ปีใหม่
อ่านข้อมูลบิดเบือนของนกหวีดที่นี่ (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=671441832988694&set=a.115021701964046&type=3&theater)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น