ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อันดับที่ 5 ของโลก ถ้ำภูผาเพชร อ.มะนัง จ.สตูล กว่า 20 ปีที่เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แต่ก็ต้องแลกกับหลายสิ่งที่สูญเสียไป
เริ่มจากขั้นบันไดราว 200 กว่าขั้น ลัดเลาะทางลาดไปจนถึงเพิงผา ซึ่งมีทางเข้าถ้ำที่ถูกเจาะเป็นช่องเล็กๆให้พอลอดเข้าไปได้ทีละคน จากนั้นก็จะพบระบบโถงถ้ำชั้นแรกที่เต็มด้วยป่าของเสาหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ จนผ่านที่ราบ ลางลาด ที่มีเพดานสูงใหญ่ ไปจนถึงช่องแสงสาดส่อง มีพื้นรวมๆโดยประมาณ 50 ไร่
และโถงถ้ำชั้นที่ 2 คือถ้ำแบบเพิงใหญ่ที่ต่อเนื่องจากปล่องแสงนั่นเอง ไต่ทางลาดชันขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับความกว้างใหญ่อลังการพอๆกับชั้นแรก จนไปถึงปากเพิงถ้ำสุดขอบเหวลึก ที่มีความกว้างราวๆ 300 ม. และบริเวณนี้ยังเป็นแหล่งโบราณคดีมนุษย์ยุคก่อน
ประวัติศาสตร์ มีอายุยาวนานนับหมื่นปี มีขวานหิน และเศษเครื่องปั้นดินเผากระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ มีการค้นพบสุสานเก่าที่ผังร่างอย่างมีพิธีกรรมร่วมกับเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ โดยกรมศิลปากร
ซึ่งตรงพิกัดนี้ เป็นเพิงสูงขึ้นมาจากป่าข้างล่างกว่า 200 ม. อาจเป็นหนึ่งในที่อยู่อาศัยชั่วคราวของคนยุคโบราณในช่วงฤดูกาลเก็บน้ำผึ้งบนหน้าผา มีเส้นทางเลียบไต่ขอบเหวลงไปเรื่อยๆจนถึงป่าฝนหุบเขาข้างล่างได้ และเส้นทางนี้ยังถูกใช้งานโดยเลียงผา หรือแพะภูเขา ที่จะปีนป่ายขึ้นมาพักอาศัยตามมุมก้อนหิน มีมูลกองใหญ่ที่เกิดจากการขับถ่ายซ้ำในที่เดิมๆ ยังสามารถพบร่องรอยมูลสดใหม่ แต่มันคงจะหนีไปซ่อนนานแล้วเมื่อได้ยินเสียงคนเดินทางมาเยือน
ส่วนในถ้ำชั้นที่ 3 ซึ่งยังไม่เคยเข้าไปสำรวจ เพราะต้องผ่านการไต่ขอบหน้าผาที่อันตรายเกินไป แต่พรานป่าที่เคยรู้จักกันนั้นเคยเข้าไปแล้ว บอกว่ามันเป็นโถงที่ใหญ่ที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และไม่มีร่องรอยมนุษย์เลย
ในช่วงเวลาราว 25 ปี ที่ได้ป้วนเปี้ยนอยู่ในถ้ำแห่งนี้จนสามารถจดจำแผนที่ได้ หรือเดินกลับออกมาได้แม้ไม่มีแสงไฟฉาย รวมไปถึงถ้ำคงคาลอด ซึ่งเป็นถ้ำแบบลำธารลอดผ่านใต้ถ้ำภูผาเพชร มีปล่องแนวดิ่งเชื่อมต่อกัน เป็นแหล่งอาศัยของงูที่น่ารักหลายชนิดมาก เช่นงูปล้องทอง กาบหมากหางนิล งูเหลือม และงูจงอาง
หินไข่พญานาค ซึ่งมีจำนวนมากนอนกลิ้งอยู่ในหลายๆมุมของถ้ำ ก็น่าจะเยอะประมาณ 5 คันรถกระบะ
จนเมื่อถ้ำถูกเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าไปเยือนได้ อะไรที่หยิบติดไม้ติดมือได้ง่าย ก็ค่อยๆถูกแอบขโมยไปคนละอันสองอัน บางอันถูกหัก บ้างก็ถูกจับลูบจนเสียหาย
โดยเฉพาะหินไข่พญานาค ที่ปรากฎว่าถูกขโมยไปจากถ้ำภูผาเพชรจนเกือบหมดสิ้นระดับ 90% เป็นก้อนหินสีขาวทรงกลมๆ หลายขนาด ใหญ่สุดประมาณมะนาว มีผิวขรุขระคล้ายมะกรูด มันจะเติบโตสะสมในแอ่งน้ำหินปูน แต่ละก้อนจะเป็นอิสระ หลายคนจะเก็บมันไปบูชา เพราะเป็นของหายาก มีราคาในตลาด
เคยไปเที่ยวที่สวนจตุจักร กทม. ก็พบหินชนิดนี้ถูกวางขายในกลุ่มหินมงคล หินบูชา ก้อนละ 100 - 500 บ. แต่ก็มาจากหลายๆถ้ำทั่วไทย
ส่วนค้างคาว ก็ค่อยๆลดจำนวนลงเรื่อย ตามด้วยงูกาบหมากหางนิล ก็แทบไม่เคยได้พบเห็นอีกเลย เพราะอาหารหลักของมันก็น่าจะคือค้างคาว
แต่เรื่องพีคสุด ก็คือการเข้าไปสำรวจที่นี่ครั้งแรกเมื่อ 25 ปีก่อนนั่นล่ะ คือตอนนั้นเข้าไปเพียงคนเดียว กับไฟฉายสองชุดที่ไม่ค่อยสว่างนัก และก็เทียนอีกหนึ่งมัดเผื่อฉุกเฉินไฟเสียหาย น้ำอีกหนึ่งขวด ปีนป่ายทางลาดในถ้ำเอาเอง ไม่มีบันไดอะไรสักขั้นเดียว ไปจนสุดทางถ้ำ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น