COVID-19 ไวรัสนี้มีต้นกำเนิดการแพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน


พบว่ายังมีคนเชื่ออยู่เลย ว่าไวรัส SARS-CoV-2 นี้มาจากอเมริกาส่งไปปล่อยให้ระบาดที่จีน กลายเป็น plot หนัง Hollywood

เลยใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจอีกครั้งว่า ข้อมูลปัจจุบันได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้วว่า ไวรัสนี้ไม่ได้หลุดมาจากแลปหรือถูกสร้างขึ้นมาอย่างที่หลายคนมโนกัน และไวรัสนี้มีต้นกำเนิดการแพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีนจริง ๆ

เหตุผลที่กล้าพูดแบบนี้ ก็เพราะว่านักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ทำการศึกษารหัสพันธุกรรมของ SARS-CoV-2 กันอย่างทะลุปรุโปร่ง ทำ sequencing กันไปไม่รู้กี่รอบ (เผลอ ๆ รวมกันทั้งโลกน่าจะเกิน 1 ล้าน) ข้อมูลจากรหัสพันธุกรรมของ SARS-CoV-2 ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างชุดตรวจที่เราใช้กันทุกวันนี้, ศึกษากลไกการก่อโรคที่พบว่าเชื้ออาศัยตัวรับเป็นโปรตีน ACE2 บนผิวเซลล์มนุษย์, ศึกษาและสร้างวัคซีนเพื่อเอาไว้ป้องกันโรคในอนาคต และศึกษาอื่น ๆ อีกมากมาย


ข้อมูล ณ ตอนนี้สนับสนุนว่า รหัสพันธุกรรมของ SARS-CoV-2 มีความคล้ายคลึงกับ SARS-CoV และ MERS-CoV ซึ่งก่อให้เกิดโรค SARS และ MERS ที่เคยระบาดไปก่อนหน้านี้ เป็นไวรัสที่มี RNA เป็นสารพันธุกรรมในตระกูล coronaviridae กลุ่มที่เรียกว่า beta-coronaviridae มีญาติสนิทที่รู้จักกันดีนอกจาก SARS-CoV และ MERS-CoV แล้ว ยังมีเชื้อชื่อแปลก ๆ อย่าง OC43 และ HKU1 ซึ่งเป็นสาเหตุของไข้หวัดปกติที่เราเป็นกันอยู่แทบทุกปี

ข้อมูลรหัสพันธุกรรมของ SARS-CoV-2 ยังบอกเราอีกว่าไวรัสนี้มีเครือญาติใกล้ชิดกับไวรัสที่อาศัยอยู่ในค้างคาว จึงเชื่อได้ว่าแหล่งต้นกำเนิดของไวรัสนี้มาจากค้างคาว เช่นเดียวกับ SARS-CoV และ MERS-CoV แต่การแพร่ของเชื้อมายังมนุษย์ไม่ได้เกิดจากการรับเชื้อจากค้างคาวโดยตรง (เลิกเชื่อกันได้แล้วว่ากินค้างคาวแล้วเป็น COVID-19) แต่น่าจะส่งผ่านจากค้างคาวไปยังตัวนิ่ม (pangolin) ก่อน พออาศัยในตัวนิ่มอยู่ซักพัก จากนั้นมนุษย์ก็คงจับตัวนิ่มไปทำอะไรซักอย่าง (คงจะเอาไปขายเพื่อซื้อไปกินแหละ ไม่น่าจะเอาไปเลี้ยง) ก็เลยสัมผัสเชื้อมา โมเดลนี้คล้ายคลึงกับ MERS ที่พบว่าค้างคาวเป็นแหล่งต้นกำเนิด โดยมีอูฐรับเชื้อจากค้างคาวมาก่อนจะส่งไม้ต่อให้มนุษย์อีกที

ด้วยความที่มันเป็น RNA virus นักวิทยาศาสตร์จะทราบดีว่าจีโนมหรือรหัสพันธุกรรมมันไม่เสถียร เกิดการกลายพันธุ์ได้บ่อย เมื่อไวรัสแบ่งตัวออกลูกหลานมาก ๆ และแพร่กระจายจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง ซึ่งเราเห็นตัวอย่างดีใน HIV (retrovirus) หรือไข้หวัดใหญ่ (orthomyxovirus) ซึ่งกลายพันธุ์บ่อยมากจนเราต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่กันทุกปีเพราะสายพันธุ์เปลี่ยนบ่อยจนภูมิคุ้มกันเดิมป้องกันสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้ แม้ genome ของ coronavirus จะเสถียรกว่า HIV หรือไข้หวัดใหญ่แต่ก็ยังกลายพันธุ์ได้เรื่อย ๆ


นักวิทยาศาสตร์ใช้ประโยชน์ของการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นเองนี้ ในการติดตามดูว่า SARS-CoV-2 นี้มีแบบแผนการระบาดอย่างไร แพร่จากเมืองไหน ประเทศไหน กระจายไปประเทศไหน ทำให้เราบอกเส้นทางการแพร่ระบาดได้ หนึ่งในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ติดตามเส้นทางการแพร่ระบาดโดยอาศัยข้อมูลการกลายพันธุ์ของไวรัส คือ NextStrain project (https://nextstrain.org/) ซึ่งรวบรวมข้อมูล RNA sequence ของไวรัสที่แยกได้จากผู้ป่วยที่ต่าง ๆ ทั่วโลก มาวิเคราะห์แล้วสร้างเป็น phylogenetic tree เหมือนแผนผังเครือญาติ ทำให้เรารู้เส้นทางการกระจายของเชื้อได้แม่นยำ ในภาพจะเห็นว่าต้นสายของไวรัสนี้มาจากจีน (สีม่วง) แล้วต่อสายแพร่ในเอเชีย (ฟ้า) ในขณะที่อีกสายหนึ่งแยกไประบาดในยุโรป (เขียว-เหลือง) ส่วนอเมริกานี่ซับซ้อนหน่อยตรงที่การระบาดครั้งแรกเกิดขึ้นที่รัฐ Washington เป็นไวรัสที่มาจากจีนโดยตรง ในขณะที่การระบาดใน New York, New Jersey เกือบทั้งหมดมาจากยุโรป และออสเตรเลียก็คล้ายกันคือช่วงแรกรับตรงจากจีน ช่วงหลังนำเข้าจากยุโรปและอเมริกา

เห็นภาพแล้วก็ยุ่งเหยิงดี 5555555

ส่วนไวรัสที่ระบาดในเมืองไทย เป็นสายพันธุ์นำเข้าจากจีนครับ น่าเสียดายที่มีข้อมูล submit ในช่วงต้น (เดือนมกราคม) จาก รพ บำราศนราดูรเท่านั้น ไม่เห็นข้อมูลเพิ่มเติม

ผลงานวิจัยอ้างอิง: ศึกษาที่มาของไวรัสซึ่งสนับสนุนว่าเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตีพิมพ์ใน Nature Medicine >> https://www.nature.com/articles/s41591-020-0820-9



ข้อมูลอ้างอิงเฟสบุ๊ค  มานพ พิทักษ์ภากร


บทความจาก The Guardian มองผ่านเหตุการณ์ย้อนหลังตั้งแต่ 100 วันก่อนที่เรารู้จักไวรัสนี้เป็นครั้งแรก สรุปดีมากครับ

https://www.theguardian.com/…/coronavirus-100-days-that-ch…/





Dettol เดทตอล น้ำยาฆ่าเชื้อโรค สั่งผ่านlazada




Share on Google Plus

About บริการทำเว็บไซส์ blogspot สายblogger influencer สายท่องเที่ยว อาหารของกิน บิวตี้ความงาม สร้างด้วยblogspot suraphan x2

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น