อย่าได้ประหลาดกับราคาน้ำมันปาล์มบริโภคที่พุ่งกระฉูด

ราคาน้ำมันปาล์มบริโภคที่พุ่งกระฉูด

อย่าได้ประหลาดกับราคาน้ำมันปาล์มบริโภคที่พุ่งกระฉูดไปถึง 47 บาทต่อลิตร เพราะรัฐบาลเอาเงินภาษีกองทุนน้ำมันไปอุดหนุนให้แย่งซื้อปาล์มดิบมาผลิต B100 ขายที่ลิตรละ 42.83 บาท

ที่น่าขำคือการเอาไบโอดีเซล B100 มาทดแทนน้ำมันดีเซลที่ราคาลิตรละ 12-13 บาท ราคาต่างกันถึง 300% ส่งผลให้บริษัทที่ผลิต B100 กำไรพุ่งกระฉูด หุ้นขึ้นโลด เพราะราคาขายตามพันธสัญญาไม่เกี่ยงต้นทุน++กำไร++เงินทอน

เป็นการบริหารประเทศภายใต้ความวิบัติของผู้เสียภาษี เอาส่วนต่างมาแบ่งกันอย่างเมามันโดยไม่แคร์สังคม

10 ปีที่แล้ว ไปตรวจสอบน้ำมันปาล์มขวดที่หายไปจากท้องตลาด ร้านทั่วไปไม่มีวางขาย หากใครต้องการซื้อ ท่านต้องซื้อน้ำมันปาล์มปี๊บในตลาดมืดที่ราคาสูงกว่าปกติถึง 2-3 เท่า เท่านั้น

เรื่องนี้เจาะลึกไปถึงต้นตอ อธิบายง่ายๆได้ว่าคลังน้ำมันปาล์มของประเทศที่ต้องสำรองเอาไว้เผื่อฉุกเฉินมีปริมาณต่ำกว่าขีดแดง โดยไม่มีใครส่งสัญญานเตือนว่าระดับน้ำมันอยู่ในสภาพวิกฤติ เปิดทางให้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีน้ำมันปาล์มเถื่อนเก็บอยู่ในคลังของตัวเอง สามารถปล่อยของขายในตลาดมืดด้วยราคาสูงลิ่ว กินส่วนต่าง 2 เด้ง

ผู้มีอำนาจรอเวลาถึง 5 อาทิตย์ จึงค่อยตัดสินใจนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ คนกลุ่มนี้จึงปล่อยของเถื่อนขายในตลาดมืดได้อย่างสะดวกโยธิน อิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า เงินสะพัดเป็นพันล้าน แต่ชาวบ้านเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน เพราะร้านค้าไม่มีน้ำมันปาล์มขวดขายเลยทั้งประเทศ จนค่าครองชีพช่วงนั้นสูงขึ้นจากผลของเรื่องนี้ด้วย

“สวาปาล์ม” ครั้งนั้นเกิดแล้วก็จบไป แม้ว่ากระบวนการตรวจสอบต้นน้ำของฝ่ายค้านได้ถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานต่างๆที่รับผิดชอบ แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็เงียบหาย เหมือนกับอีกหลายเรื่องที่ไม่เคยมีคำตอบ ทิ้งไว้แต่ความเสียหายเชิงประจักษ์ที่คนธรรมดาทั่วไปก็รู้ว่ามันมีคนโกงแต่จับมือใครดมไม่ได้ซักที

ผมเชื่อว่าเหตุนี้นี่เอง คนโกงจึงกล้าโกงอีก เพราะยิ่งโกงยิ่งรวย ยิ่งโกงยิ่งมีอำนาจ และยิ่งโกงยิ่งเห็นจุดอ่อนของสังคมที่ “ความดี” กลายเป็นเพียงแค่ “นามธรรม”​ ที่กินไม่ได้

วันนี้ ปี 2564 ผมจึงเห็นคนกลุ่มเดิมที่รวยขึ้น แข็งแรงขึ้น คอนเนคชั่นสูงขึ้น กล้าพอที่จะ #ฟอกน้ำมันเถื่อนให้บริสุทธิ์ เพราะคิดว่าทุกคนยอมหรี่ตาให้