พอพวกตัวเองบริหารจัดการเรื่องวัคซีนจนได้รับล่าช้า เรื่องวัคซีนก็ไม่จำเป็นขึ้นมาทันที
ลองทั่วโลกเขาได้รับวัคซีนกันหมดแต่ไทยยังไม่ได้ ลองคิดดูว่า รายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศจะเป็นอย่างไร เมืองท่องเที่ยวจะปล่อยให้เงียบเป็นป่าช้าไปแบบนี้เรื่อยๆ เพราะผู้บริหารใน ศบค.ไม่มีใครเดือดร้อน ยังรับเงินเดือนเต็มกันทุกคน
ถ้าแค่ใส่หน้ากากอนามัย ใส่หน้ากากผ้าประชาชนก็ปลอดภัยจากโควิด วัคซีนจะมาเร็วมาช้าก็ไม่มีผลกับคนไทยอย่างหมอทวีศิลป์ว่า แล้วเราจะล็อคพื้นที่ ควบคุมการทำมาหากินของชาวบ้านไปทำไม ทำไมไม่เลิกพรก.ฉุกเฉิน แล้วบังคับให้ใส่หน้ากากแล้วปล่อยให้ชาวบ้านทำมาหากินไป จะไปกักตัว 14 วัน มีพื้นที่สีแดงสีเขียวไปทำพ่อง!
1. สลิ่มอ้างว่ารัฐบาลควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้อยู่ในระดับต่ำ ความจริง รัฐบาลไม่ได้ควบคุมอะไรนอกจากสั่งล๊อตดาวน์ และปั้นตัวเลขคนติดเชื้อให้น้อย ด้วยการสุ่มตรวจ ตรงข้ามในต่างประเทศอัตราผู้ติดเชื้อสูง เพราะรัฐบาลสั่งให้ใช้การตรวจเชิงรุก ไม่ใช่การสุ่ม และให้ประชาชนทุกคนตรวจโควิดฟรี ต่างจากไทยที่คนไปตรวจต้องจ่ายตังค์เองหากไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง เอาจริงๆ ถ้าประเทศไทยใช้การตรวจเชิงรุก และให้ประชาชนตรวจฟรี ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจจะขึ้นหลักแสนตั้งแต่ต้นปีแล้ว ทุกวันนี้ ตัวเลขที่น้อยจึงไม่ได้เป็นตัวเลขที่เชือถือได้ แปลว่ามีคนติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการอยู่เยอะ เห็นได้จาการระบาดรอบสองที่พอคนไปตรวจก็พบว่าติดเชื้อหลักพันเพิ่มขึ้นทุกวัน
2. การระบาดรอบสองของไทยเกิดจาก Super Spreader เดิมๆ ต่างจากต่างประเทศที่การระบาดรอบสองเป็นเพราะ การปลดล๊อคดาวน์ แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วระบบการควบคุมการระบาด รวมถึงการป้องกันโรคของประเทศไทยไร้ประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังไม่มีการจัดการกับพวก Super Spreader พวกนี้เลย ตรงข้ามในต่างประเทศ Super Spreader มีแค่รอบแรกเท่านั้น และมีกฎหมายที่เข้มงวดเอาผิดคนพวกนี้ที่ผ่าฝืนมาตรการจนไม่มีการเกิดการแพร่เชื้อแบบเดิมๆ อีก
3. ต่างประเทศมีการสั่งซื้อวัคซีนตั้งแต่ปลายปี 2563 แล้ว แต่ประเทศไทยพึ่งมาจะสั่งซื้อตอนต้นปี 2564 เดือนม.ค. ที่ผ่านมาต่างประเทศฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 70 ล้านโดส โดยเฉพาะประเทศอิสราเอลนี่ ฉีดให้ประชากรไปกว่า 80% ของทั้งประเทศแล้ว แต่แพทย์สลิ่มได้ ยังมโนหลอกตัวเองว่า วัคซีนที่ต่างชาติใช้มีผลข้างเคียง จากรายงานข่าวที่มีคนป่วย และเสียชีวิตจากวัคซีนแค่หลักร้อยคน และสลิ่มไทยยังมโนว่าประเทศไทยได้วัคซีนเร็ว ทั้งที่ทั่วโลกเค้าฉีดวัคซีนกันตั้งแต่เดือนม.ค. แล้ว แต่ไทยต้องรอถึงมิ.ย. แถมวัคซีนที่ได้มาล๊อตแรก นอกจากได้ช้าแล้วยังเป็นวัคซีนจีนประสิทธิภาพต่ำอีก ซึ่งตรงนี้ทำให้ช่วงเมษา ตรงกับเทศกาลสงกรานต์ที่ประเทศไทยควรจะเปิดประเทศให้มีการท่องเที่ยวกลับมาเป็นปกติ เพื่อหารายได้เข้าประเทศก็ทำไม่ได้ เพราะต้องรอวัคซีนเดือนมิ.ย. คิดแล้วไทยสูญเสียโอกาสในการหารายได้ และเวลาไปเป็นมูลค้ากี่ล้านล้านบาท
4. สลิ่มไทยอ้างว่ารัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชนดี โดยอ้างโครงการคนละครึ่ง ซึ่งมันไม่ใช่สวัสดิการ แต่เป็นโครงการแจกเงินแบบชิงเปรต ตรงข้ามเพื่อนผมที่มีร้านอาหารอยู่ใน US และ ทำงานในญี่ปุ่น ทุกคนโดนสั่งให้หยุดงานอยู่บ้าน แต่สิ้นเดือนได้รับเช็คจากรัฐบาลโดยไม่ต้องลงทะเบียนใดๆ มูลค่า 1200$ และ 3.5 แสนแยน ในขณะที่ประเทศไทยไม่มีการแจกเช็คชดเชยคนทำงานที่ต้องตกงาน หรือกิจการที่โดนปิดเพราะมาตราการล๊อคดาวน์เลย สลิ่มที่บอกว่าประเทศไทยดีกว่าคืออะไร เลียเผด็จการจนตาบอดใช่ไหม
5. การอ้างว่าในช่วงวิกฤกตโควิค ฐานะการคลังของประเทศไทย มีหนี้น้อย และเงินทุนสำรองของประเทศมีสูง ตรงข้ามกับต่างประเทศอื่นๆ ที่มีทุนสำรองน้อย และหนี้สูงมากกว่า ตรงนี้คือการ Mislead สุดๆ ถ้าสลิ่มโง่ๆ จะอวยรัฐบาลทันที ถ้าไม่มองตัวเลขการเติบโตของ GDP ไทยที่ติดลบ เพราะแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไทยเอาแต่เก็บเงินทุนไว้ ไม่ยอมเอาเงินมาอัดฉีดเศรษฐกิจของประเทศ จน GDP ต่ำ และอนาคตเศรษฐกิจของประเทศไทยจะไม่ฟื้นต่อให้วิกฤกโควิดจบ เพราะรัฐบาลเน้นแต่เก็บทุนสำรอง และประคองตัวเลขหนี้โดยไม่ดูว่าเศรษฐกิจติดลบ ธุรกิจต่างๆ เจ๊งไปหมดแล้ว คนตกงานเป็นล้าน รัฐบาลจะเอารายได้ภาษีมาจากตรงไหน ดังนั้นเศรษฐกิจไทยต่อให้หมดวิกฤตโควิด เศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีขึ้น ตรงข้ามในต่างประเทศเอาทุนสำรองมาอัดฉีดเป็นเงินเข้าระบบเศรษฐกิจให้ตัวเลข GDP เติบโต และหนี้ที่มีสูงจากการกู้เงินนั้น รัฐบาลต่างประเทศมองว่าไม่เสี่ยงเนื่องจาก หลักจากหมดวิกฤตโควิดแล้ว เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวแบบก้าวกระโดดจนสามารถใช้หนี้ได้ เพราะธุรกิจที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐทำให้เปิดกิจการได้อยู่ คนยังไม่ตกงาน และพอประชาชนมีรายได้กลับมา รัฐบาลก็จะได้ภาษีมากขึ้นเป็นรายได้กลับมาพร้อม กับเศรษฐกิจที่กลับมาเติบโตมากกว่าเดิม
แค่ 5 ข้อนี่น่าจะชัดเจนแล้ว ว่ารัฐบาลไอ้ตู่ กำลังนำพาประเทศไทยสู่ความฉิบหาย แต่ก็ยังมีสลิ่มโง่ๆ ที่คอยอวย และมโนหลอกตัวเองว่าประเทศมันจะดีขึ้น อย่าแปลกใจทำไมประเทศไทยล้าหลังว่าชาวโลก เผลอๆ ล้าหลังกว่าพม่า เพราะประเทศไทยมีประชากรสลิ่มที่โง่แล้วไม่สำเนียกอยู่เยอะนั่นแหละ
ภายใต้สภาวะการบริหารแบบรัฐบาลประยุทธ์ คนมีเงินเขาไม่โง่ลงทุน ในสภาพการบริหารที่สร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ดีไม่ได้แบบนี้หรอก
ตอนนี้ที่บอกการเงินแข็งแกร่ง ความจริงคือค่าเงินแข็ง เพราะประยุทธ์กู้เงินมาใช้จำนวนมาก นักลงทุนเขาเอาเงินมาซื้อพันธบัตรรัฐที่ประยุทธ์ออกมากู้เงิน เพราะความเสี่ยงต่ำ
และประยุทธ์ยิ่งกู้มาก ก็ยิ่งต้องสร้างแรงจูงใจให้ผู้ซื้อพันธบัตร โดยดอกเบี้ยก็ต้องให้สูงขึ้น เงินก็ยิ่งไหลเข้ามาแลกเงินบาทเพื่อลงทุนในพันธบัตร แต่ไม่เกิดการลงทุนใน real sector ค่าเงินเลยแข็งค่าที่สุดไม่ยอมลงซักที
ประยุทธ์หมดปัญญา มือไม่ถึง ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ ก็ได้แต่อ้อนวอนแบบนี้
ตอนนี้เครื่องยนต์เศรษฐกิจของประเทศดับจนหมดแล้ว รายได้จากการท่องเที่ยวก็หายหมด การส่งออกก็แย่ลง ซ้ำค่าเงินแข็งซ้ำเข้าไปอีก ให้มันพังคามือประยุทธ์นี่แหละดูว่า มันจะโทษใครอีก
ชักสงสัยว่า เวลาประชุมศบค.ระหว่างหมอทวีศิลป์กับประยุทธ์ใครเป็นคนที่หลับระหว่างประชุมเพราะประยุทธ์บอกว่า ได้วัคซีนเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี หมอทวีศิลป์บอกว่า ได้ช้าได้เร็วก็ไม่มีผลกับคนไทย
หรือมันขึ้นอยู่กับช่วงเวลา ตอนที่บอกว่าได้เร็วยิ่งดีเพราะคิดว่าตัวเองจะได้เร็ว เลยคุยโวไปแบบนั้นทั้งจะเป็นนย์กลางวัคซีนของอาเซียนแต่พอบริหารจัดการไม่ได้เรื่องได้ช้ากว่าชาวบ้านเขาทั้งโลก เลยพลิกลิ้นว่า ได้เร็วได้ช้าก็ไม่มีผลแต่ที่แน่ๆข้อมูลและคำแนะนำของคนพวกนี้ ถ้าเป็นแบบนี้คือ เชื่อถืออะไรไม่ได้
หรือมันขึ้นอยู่กับช่วงเวลา ตอนที่บอกว่าได้เร็วยิ่งดีเพราะคิดว่าตัวเองจะได้เร็ว เลยคุยโวไปแบบนั้นทั้งจะเป็นนย์กลางวัคซีนของอาเซียนแต่พอบริหารจัดการไม่ได้เรื่องได้ช้ากว่าชาวบ้านเขาทั้งโลก เลยพลิกลิ้นว่า ได้เร็วได้ช้าก็ไม่มีผลแต่ที่แน่ๆข้อมูลและคำแนะนำของคนพวกนี้ ถ้าเป็นแบบนี้คือ เชื่อถืออะไรไม่ได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น