จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดประเด็นปัญหาเมื่อครั้งพลเอกประยุทธ์ เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ในปี 2557 ใช้อำนาจ มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศ รวมถึงเหมืองทองอัครา ของบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ของออสเตรเลีย
1. ณ ตอนนั้น เหมืองทองอัคราครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ต้องยุติกิจการทันที
2. บริษัทแม่เหมืองทองอัครา ฟ้องร้องราชอาณาจักรไทย ผ่านกลไกความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) เรียกร้องค่าเสียหาย 22,500 ล้านบาท
3. เมื่อมีความเป็นไปได้สูงว่าจะแพ้คดี ทำให้ พลเอกประยุทธ์ นำทรัพยากรของประเทศไปแลกเปลี่ยนกับเอกชนต่างชาติเพื่อให้ตัวเองพ้นจากความผิด โดย ส.ส.จิราพร มีหลักฐานที่เป็นเอกสารลับจำนวนมาก
4. รัฐบาลไทยรู้ว่าแนวโน้มอาจจะแพ้คดี เพราะมีหลักฐานผลการประชุม ครม.เมื่อปี 2562 เตรียม 4 แนวทางรับมือแก้ปัญหาหากแพ้คดีเหมืองทองไว้ ทั้งหมดปลายทางอยู่ที่การจ่ายค่าเสียหาย ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่เงิน
5. ส.ส.จิราพร ยกกรณีตัวอย่างกรณี คำชี้ขาดคดีเหมืองทองในเวเนซุเอลา ซึ่งรัฐบาลเวเนซูเอลา เวนคืนสัมปทานเหมืองแร่ของบริษัทเอกชนสัญชาติแคนาดา กลับไปเป็นของรัฐ ในที่สุดรัฐบาลเวนาซูเอล่าแพ้คดี
6. รัฐบาลเวเนซูเอล่า ต้องจ่ายค่าเสียหายให้บริษัทเอกชนรายนั้น 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 42,000 ล้านบาท
7. Dr. Laurent Lévy ทนายความสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้ชี้ขาดคดีเหมืองทองเวเนซูเอลา และเป็นผู้ชี้ขาดคนเดียวกับคดีเหมืองทองอัครา
8. ส.ส.จิราพร ชี้ให้เห็นว่า การพิจารณาคดีในชั้นอนุญาโตตุลาการ จะใช้กฎของ Uncitral ในการตัดสิน เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ผู้ชี้ขาดที่มีความเที่ยงธรรม จะไม่ตัดสินคดีให้ย้อนแย้งจากบรรทัดฐานเดิมที่เคยตัดสินไว้
9. ส.ส.จิราพร ไล่เรียงค่าความเสียหายที่ประเทศไทยจะต้องจ่ายหากแพ้คดีนี้ และตั้งคำถามว่า หากไทยแพ้คดี พลเอกประยุทธ์ จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย
9.1 ค่าเสียหายจากการฝ่าฝืนข้อตกลง TAFTA ในการโอนกิจการมาเป็นของรัฐ 22,500 ล้านบาท
9.2 ค่าเสียหายจากการทำประกันความเสี่ยงทางการเมือง 1,650 ล้านบาท
9.3 ค่าตอบแทนทางกฎหมาย ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการฝ่ายราชอาณาจักรไทย 600 ล้านบาท
9.4 ค่าตอบแทนทางกฎหมาย ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ฝ่ายคิงส์เกต 600 ล้านบาท และอีกมากมาย
10. ส.ส.จิราพร ชี้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้มาตรา 44 พลเอกประยุทธ์ “ไม่มีสิทธิ์” เอางบประมาณแผ่นดินที่เป็นภาษีประชาชนไปจ่ายแม้แต่สลึงเดียว
แล่เนื้อเถือหนังประเทศ ประเคนทรัพยากรชาติล้านไร่ เพื่อ พลเอกประยุทธ์
11. ครม.เชิญที่ปรึกษากฎหมายมาประเมินว่าไทยมีโอกาสจะแพ้คดีหรือไม่ ซึ่งคำตอบคือ ไทยมีโอกาสแพ้คดี จึงตั้งกรรมการประนีประนอมยอมความ ในที่สุด ไทยได้สู่กระบวนการไกลเกลี่ยข้อพิพาทกับคิงส์เกต
12. คิงส์เกตยื่นข้อเสนอ 4 กลุ่ม หนึ่งในนั้น คือ ขอให้ไทยพิจารณาออกใบอนุญาตต่างๆ และขอให้แก้ไขปัญหาการดำเนินการกับผงโลหะทองคำ
13. วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อัคราได้รับอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำ 44 แปลง เนื้อที่รวม 397,226 ไร่
14. ที่ดินแปลงนี้ อัคราขออนุญาตไปตั้งแต่ปี 2546 ผ่านไปกว่า 17 ปี ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้รับใบอนุญาต แต่เมื่อมีข้อพิพาทกลับได้รับทันที
15. ส.ส.จิราพร มองว่า ที่ดินเกือบ 400,000 ไร่ ใช้เวลาอนุมัติแค่ 3 เดือนเศษ แต่คนไทยนับแสนรายทั่วประเทศยังไม่มีที่ดินทำกินแม้แต่ตารางวาเดียว
16. พลเอกประยุทธ์ พอเห็นว่าจะแพ้คดีก็กลับลำยอมให้เขาทีละรายการ จากสิ่งที่เคยบอกว่าให้ไม่ได้ กลับทำได้ ประเคนให้ได้ทุกอย่าง
17. ตอนนี้ คิงส์เกต อยู่ในฐานะได้เปรียบ 100% ประเทศไทยกำลังตกเป็นเบี้ยล่าง เป็นลูกไล่ ให้เอกชนต่างชาติโดยสมบูรณ์แบบ
“วันนั้นพลเอกประยุทธ์สั่งเสียงแข็ง ยังไงก็ไม่ยอมให้เปิดเหมืองอีกต่อไป แต่วันนี้เสียงอ่อนเสียงหวาน จากที่เสียงแข็งเป็นพลเอก วันนี้เสียงหวานจนกลายเป็นสิบเอก”
ไทยจะต้องสูญเสียอีกเท่าไหร่ ?
18. ส.ส.จิราพร เปิดหลักฐานอีกว่าเมื่อเดือนธันวาคม 2563 บริษัทอัครา มีคำขอใบอนุญาตทำเหมืองแร่ และคำขออาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ในชลบุรี ลพบุรี พิจิตร พิษณุโลก ระยอง สระบุรี ที่ขอค้างไว้ รวม 579,551 ไร่
19. ปรากฏว่าพลเอกประยุทธ์ ได้ร่างแผนงาน (roadmap) การประนีประนอมและระงับข้อพิพาทกับอัคราด้วยการเตรียมพิจารณาคำขอสำรวจแร่ทองคำเกือบ 600,000 ไร่ที่ค้างไว้กับอัครา
20. หากรัฐบาลอนุมัติ เท่ากับว่าประเทศไทยจะต้องสูญเสียประโยชน์รวม 1 ล้านไร่ เท่ากับว่าคิงส์เกตฟังเพลงลูกทุ่งได้เพลงเดียวคือเพลง “จะขอก็รีบขอ” เพราะขออะไรตอนนี้ได้หมด
21. ส.ส.จิราพร ตั้งคำถามไปถึง พลเอกประยุทธ์ การเอาทรัพยากรของประเทศชาติไปประเคนให้กับบริษัทคิงส์เกต เพื่อแลกกับการให้เขาถอนฟ้องใช่หรือไม่ ที่บอกเป็นความรับผิดชอบของชายชาติทหาร นี่หรือคือการกระทำของคนที่บอกว่ารักแผ่นดิน
ค่าโง่ 25,350 ล้านบาททำอะไรได้บ้าง
22. ส.ส.จิราพร เปรียบเทียบว่า หากประเทศไทยแพ้คดี ต้องจ่ายค่าเสียหายมากกว่า 25,350 ล้านบาท เมื่อแปลงเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อประชาชน เงินจำนวนนี้ทำอะไรได้มากมาย เช่น
22.1 ช่วยแรงงานคนละ 2,500 บาท ได้ 10 ล้านคน
22.2 จ้างงานนักศึกษาจบใหม่ได้ 200,000 อัตรา เป็นเวลา 1 ปี
22.3 ช่วยพยุงราคาสินค้าเกษตรทำให้เกษตรกรกว่า 15 ล้านคน
22.4 ช่วยค่าหอพักให้นักศึกษาได้ทั้งระบบ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น